วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

การวางแผนหลักสูตรของตนเอง
ตรงกับ 7Cs Career and Life skill คือ ทักษะการใช้ชีวิต คือทักษะการประกอบอาชีพ
กระบวนการพัฒนาหลักสูตร/ความรู้ ทักษะความสามารถ
1) การทำความรู้ที่มีอยู่ให้กระจ่างแจ้ง
2) การระบุ
การได้รับและการเข้าใจข้อมูลใหม่
3) ยืนยันความถูกต้องและการใช้ข้อมูลใหม่
1.Curriculum Planning








คำถามข้อที่ 1: What is the purpose of the education? (Planning)     
การวางแผนหลักสูตรในการพัฒนาตนเองให้เป็นครูที่ดี จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการระบุเป้าหมาย ที่ต้องการ
       1) ความรู้ (K) ต้องมีความรู้ในเรื่องที่สอนอย่างลึกซึ้งและแม่นยำ
       2) ผู้เรียน (L) ต้องคำนึงว่านักเรียนที่สอนนั้นอยู่ในกลุ่ม
ช่วงวัยใด มีความสนใจอย่างไร เหตุผลที่เราจำเป็นจะต้องมีความรู้พื้นฐานด้านผู้เรียนก็เนื่องจากว่า เราจะพัฒนาความรู้ด้านพุทธิพิสัยหรือ cognitive domain ของเด็ก ได้แก่ ด้านความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์การสังเคราะห์ และการประเมินค่า
•      พัฒนาด้านภาษาศาสตร์ (linguistic)
•      พัฒนาด้านจิตสังคม ปลูกฝังให้เด็กมีจิตสาธารณะ
•      พัฒนาด้านจิตพิสัย และคุณธรรม
      3) สังคม (S) ในปัจจุบันอยู่ในยุคฐานข้อมูล ดังนั้นเทคนิควิธีการสอนควจะทันสมัย และมีข้อมูลที่เชื่อถือได้
นอกจากนี้พื้นฐานสำคัญที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาตนเองให้เป็นครูที่ดี คือ
            - ด้านปรัชญา
            -  ด้านจิตวิทยา
       - ด้านสังคม
คำถามข้อที่ 2: What educational experiences will attain the purposes? (Design)
       ในการออกแบบหลักสูตรการสอนที่ดีนั้นสามารถยึดหลักได้ดังนี้
           1. หลัก 7 ประการในการออกแบบหลักสูตร (7 Principles of Curriculum Design)
-      Challenge and enjoyment (ค้นหาศักยภาพและความสุข) คือต้องออกแบบหลักสูตร เนื้อหา เทคนิค วิธีการให้นักเรียนได้ค้นหาศักยภาพและกระตุ้นให้นักเรียนสนใจในการเรียนรู้
-      Breadths (ความกว้าง) คือเนื้อหาวิชาที่ดีต้องเปิดกว้างในการเรียนรู้ เพราะว่าบางครั้งในการเรียนรู้มีแนวทางในการเรียนได้หลายทาง
-      Progressions (ความก้าวหน้า) คือเนื้อหาวิชาต้องออกแบบมาให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาไปสู้ความก้าวหน้าที่ผู้เรียนตั้งเป้า
-      Depths (ความลึกซึ้ง) คือเนื้อหาวิชาต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ความรู้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งสำคัญ
-      Coherence (ความเกี่ยวข้อง) คือเนื้อหาวิชาที่ดีต้องมีเนื้อหาและจุดประสงค์ที่ต้องสนองกับบริบท
              -      Relevance (ความสัมพันธ์กัน) คือเนื้อหาต้องมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
              -      Personalization and choice (ความเป็นเอกลักษณ์และตัวเลือก) คือเนื้อหาวิชา การสอนที่ดีต้องให้นักเรียนได้ค้นพบแนวทางการเรียนของตนเองและมีทางเลือกในการแสวงหาวิธีการของตนเอง
          2.  ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills)
                เป็นหลักการเกี่ยวทักษะที่สำคัญที่ผู้เรียนพึงมีในศตวรรษที่21 ซึ่งครูต้องส่งเสริมให้ผู้ เรียนได้มีทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่21 เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะและสามารถนำใช้ชีวิตในสังคมศตวรรษที่21ได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งก็คือหลัก 7Cs หรือในปัจจุบันมีการรวมเข้ากับหลัก 3Rs ที่มีก่อนหน้า จนกลายเป็นหลัก 3Rs+7Cs ดังนี้
3Rs
             Reading (อ่านออก)   
             Writing (เขียนได้)   
             Arithmetic (คิดเลขเป็น)
 7Cs
                     - Critical Thinking & Problem solving  คือทักษะในการคิดวิเคราะห์ หมายความว่าคุณต้องคิด เข้าใจ แก้ปัญหา
                  -  Creativity & Innovation คือทักษะที่เมื่อคุณคิดวิเคราะห์แล้ว คุณต้องสร้างสรรค์ได้ หรือสร้างนวัตกรรมใหม่ได้
                  -  Cross-Cultural understanding คือทักษะที่เน้นความเข้าใจในกลุ่มคนในหลากหลายชาติพันธ์ เพราะเราเป็นสังคมโลก
                  -  Collaboration Teamwork & leadership คือทักษะการทำงานเป็นทีม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความเป็นผู้นำ
                        - Communication information and media literacy  คือความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการรู้จักข้อมูล ความสามารถในการเข้าใจสื่อ ซึ่งเป็นสาระที่สำคัญ เพราะ ในปัจจุบันข้อมูลข่าวสาร มีมากมาย  ข้อมูลหลั่งไหลเข้ามา สิ่งดีๆจากคนสร้างดีๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่นเดียวกัน สิ่งไม่ดีจากคนไม่ดี ก็มีมากมาย เราในฐานะผู้บริโภคข้อมูลอยู่ตลอดเวลาจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความสามารถในการรับรู้ข้อมูล สื่อ และการสื่อสารต่อออกไปได้
               -Computing and ICT literacy  คือความสามารถในยุคของ Digital age เราต้องใช้เครื่องมือ เราต้องมีความสามารถในการใช้เครื่อง เราหลีกเหลี่ยงไม่ได้  เทคโนโลยี ที่ช่วยเราให้สะดวกมากขึ้น ถ้าเราหนีได้ก็แล้วไป หากหนีมันไม่ได้เราก็จำเป็นต้องมีความสามารถในการใช้มัน
                    - Career and Life skill คือ ทักษะการใช้ชีวิต คือทักษะการประกอบอาชีพ
จากสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นถ้าเราแบ่ง 7Cs ออกได้ 3 ส่วนด้วยกัน คือ
              1. ส่วนของการพัฒนาด้านความคิด (Critical Thinking Creativity Collaboration Cross-Culture)
              2. ส่วนของ( Literacy) คือ ความสามารถความเข้าใจ (Information Communication Media ICT Literacy)
       3. ส่วนของ (Life Skill) คือ มองโลกหรือคนอื่นรอบๆ เป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่มองเราเป็นศูนย์กลาง
        3. สี่เสาหลักของการศึกษา (The four Pillars of Education)
              พจนานุกรมศัพท์ศึกษาศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้คำอธิบายไว้ว่าหมายถึง หลักสำคัญ ๔ ประการของการศึกษาตลอดชีวิต ตามคำอธิบายของคณะกรรมาธิการนานาชาติว่าด้วยการศึกษาในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ ซึ่งได้เสนอรายงานเรื่อง Learning: The Treasure Within ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อ ค.ศ. ๑๙๙๕ ว่าการศึกษาตลอดชีวิตมีหลักสำคัญ ๔ ประการ ได้แก่     
         1)     การเรียนเพื่อรู้ คือการเรียนที่ผสมผสานความรู้ทั่วไปกับความรู้ใหม่ในเรื่องต่าง ๆ อย่างละเอียดลึกซึ้ง การเรียนเพื่อรู้หมายรวมถึงการฝึกฝนวิธีเรียนรู้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิต
             2)  การเรียนรู้เพื่อปฏิบัติได้จริง คือการเรียนรู้ที่ช่วยให้บุคคลสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ และปฏิบัติงานได้ เป็นการเรียนรู้โดยอาศัยประสบการณ์ต่าง ๆ ทางสังคมและในการประกอบอาชีพ ซึ่งอาจเป็นการเรียนรู้นอกระบบโรงเรียน ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสภาพในท้องถิ่นหรือประเทศนั้น ๆ หรืออาจเป็นการเรียนรู้ในระบบโรงเรียน โดยใช้หลักสูตรซึ่งประกอบด้วยการเรียนในภาคทฤษฎีสลับกับการฝึกปฏิบัติงาน       
                 3) การเรียนรู้เพื่อการอยู่ร่วมกัน คือการเรียนรู้ที่ช่วยให้บุคคลเข้าใจผู้อื่นและตระหนักดีว่า มนุษย์เราจะต้องพึ่งพาอาศัยกัน ดำเนินโครงการร่วมกันและเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาข้อขัดแย้งต่าง ๆ โดยตระหนักในความแตกต่างหลากหลาย ความเข้าใจอันดีต่อกันและสันติภาพ ว่าเป็นสิ่งล้ำค่าคู่ควรแก่การหวงแหน
                 4) การเรียนรู้เพื่อชีวิต คือการเรียนรู้ที่ช่วยให้บุคคลสามารถปรับปรุงบุคลิกภาพของตนได้ดีขึ้น ดำเนินงานต่าง ๆ โดยอิสระยิ่งขึ้น มีดุลพินิจ และความรับผิดชอบต่อตนเองมากขึ้น การจัดการศึกษาต้องไม่ละเลยศักยภาพในด้านใดด้านหนึ่งของบุคคล เช่น ความจำ การใช้เหตุผล ความซาบซึ้งในสุนทรียภาพ สมรรถนะทางร่างกาย ทักษะในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น     
            4. ความเป็น   World Class Education นั้นจะต้องมี ความคิดสร้างสรรค์(Creative ) เพื่อนำไปสู่การแข่งขันที่มีประสิทธิภาพ
       คำถามข้อที่ 3: How can these experiences are effectively organized? (Organize)      
                 การจัดประสบการณ์ทางการศึกษาเหล่านั้นอย่างไรให้มีประสิทธิภาพนั้นโดยการจัดเรียงลำดับประสบการณ์การเรียนรู้ (organization of learning experiences) เป็นการประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เรียงตามลำดับขั้นตอน ต้องมีเนื้อหาครบทุกด้าน ทั้งด้านความคิด หลักการ ค่านิยม และทักษะ ต้องมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับธรรมชาติของผู้เรียน และธรรมชาติของเนื้อหาที่มีความแตกต่างกัน ตามหลักจิตวิทยาการเรียนรู้ โดยการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ตามทฤษฎีของไทเลอร์ นั้นมีดังต่อไปนี้
              1.  มีความต่อเนื่อง (continuity) หมายถึง ในวิชาทักษะ ต้องเปิดโอกาสให้มีการฝึกทักษะในกิจกรรมและประสบการณ์บ่อยๆ และต่อเนื่องกัน
                2.  การจัดช่วงลำดับ (sequence) หมายถึง หรือการจัดสิ่งที่มีความง่าย ไปสู่สิ่งที่มีความยาก
               3.  บูรณาการ (integration) หมายถึง การจัดประสบการณ์ควรที่ช่วยให้ผู้เรียน ได้เพิ่มพูนความคิดเห็นและได้แสดงพฤติกรรมที่สอดคล้องกัน เนื้อหาที่เรียนเป็นการเพิ่มความสามารถทั้งหมด ของผู้เรียนที่จะได้ใช้ประสบการณ์ ประสบการณ์การเรียนรู้ จึงเป็นแบบแผนของปฏิสัมพันธ์ (interaction) ระหว่างผู้เรียนกับสถานการณ์ที่แวดล้อม
คำถามข้อที่ 4: How can we determine when the purposes are met? (Evaluation)     
             วิธีการประเมินผลประสิทธิภาพของประสบการณ์ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างไรจึงจะตัดสินได้ว่าบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งจะคำถามนี้จะตรงกับหลักการประเมิน (Evaluation) โดยกระบวนการพัฒนาหลักสูตรมีการจัดการประเมินผลออกเป็น 2 ด้าน คือ
                1. การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
                2. การประเมินหลักสูตร
            การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนจำเป็นต้องมีการกำหนดคุณภาพการเรียนรู้โดยเกณฑ์การกำหนดคุณภาพที่เป็นที่รู้จักแพร่หลายคือ Bloom’s Taxonomy โดยแบ่งระดับการเรียนรู้ออกเป็น 6 ระดับ หรือที่เรารู้จักกันดีในนามของ Bloom’s Taxonomy แบบดั้งเดิม จนกระทั่งปี 1990 นักจิตวิทยากลุ่มใหม่ นำโดย Lorin Anderson (ศิษย์ของ Bloom) ได้ทำการปรับปรุงกลุ่มพฤติกรรมขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้นำคำกริยามาใช้ในการกำหนดระดับการเรียนรู้แทนคำนามตามแบบดั้งเดิมที่ Bloom ได้เคยกำหนดไว้ กล่าวโดยสรุปคือ Bloom’s Taxonomy แบบใหม่ เป็นการเปลี่ยนจากนามเป็นกริยาเพื่ออธิบายระดับที่แตกต่างกันของกลุ่มพฤติกรรม
การประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรแบ่งออกได้ 3 ขั้นตอน ดังนี้
                1. ขั้นพัฒนา แผนการสอน เป็นขั้นตอนการประเมินโครงร่างแผนทั้งจุดประสงค์  เนื้อหา กิจกรรมการเรียนการสอน  อุปกรณ์ สื่อการสอน  การประเมินผลการเรียนการสอนบรรยากาศในการเรียน สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน
          2.  ขั้นการใช้หลักสูตร  เป็นขั้นตอนการประเมินแผน การนำแผนมาใช้จริง ประเมินจุดเด่นและจุดด้อยของหลักสูตการจัดการเรียนการสอน
-               3.  ขั้นผลิตผลของหลักสูตร  เป็นขั้นตอนของการประเมินติดตามผล
                                             
   





1. What is the purpose of the education? 
https://docs.google.com/presentation/
d/1xYfinW0Vj-Ub9FXu2duglltCGVqtJ-1a5x0SWf1Mavg/pub?start=false&loop=
false&delayms=3000
















































2. What educational experiences 
will attain the purposes?
https://docs.google.com/presentation/
d/1xYfinW0Vj-Ub9FXu2duglltCGVqtJ-1a5x0SWf1Mavg/pub?start=false&loop=
false&delayms=3000














































































































































































































































































































How can these experiences be 
effectively organized?
https://docs.google.com/presentation/
d/1xYfinW0Vj-Ub9FXu2duglltCGVqtJ-1a5x0SWf1Mavg/pub?start=false&loop=
false&delayms=3000











































How can we determine 
when the purposes are met?
https://docs.google.com/presentation/
d/1xYfinW0Vj-Ub9FXu2duglltCGVqtJ-1a5x0SWf1Mavg/pub?start=false&loop=
false&delayms=3000
วิสัยทัศน์
                มุ่งพัฒนาตนเองให้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต ได้ดำรงตำแหน่งเป็นศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตนตามมาตรฐานวิชาชีพศึกษานิเทศก์ มีภาวะผู้นำ มีความรอบรู้ทางการศึกษา มีการพัฒนาวิชาชีพเพื่อเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานสากล และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21






















พันธกิจ
             1.ศึกษาค้นคว้าเรียนรู้ด้วยตนเองจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต  ภายในปี พ.ศ. 2563         
            2.ศึกษาความรู้ทฤษฎีหลักสูตรวิชาที่เกี่ยวข้องกับการสอบศึกษานิเทศก์จนสามารถเข้ารับการสอบบรรจุแต่งตั้งดำรงตำแหน่งเป็นศึกษานิเทศก์ที่มีภาวะผู้นำที่สมบูรณ์
             3.ศึกษาค้นคว้าพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติตนตามมาตรฐานวิชาชีพศึกษานิเทศก์
            4. รวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 ของหมอวิจารณ์ พานิชที่พร้อมเข้าสู่ความเป็นมาตรฐานสากล
และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21
เป้าหมาย
                1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการนิเทศ
2. มีทักษะภาวะผู้นำของศึกษานิเทศก์ที่มีความรู้ความสามารถและทักษะ เจตคติมีคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ
 3. มีความรอบรู้ทางการศึกษา สามารถปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพของศึกษานิเทศก์ได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์
             4. เป็นศึกษานิเทศก์ที่มีทักษะภาวะผู้นำที่พร้อมเข้าสู่มาตรฐานสากล และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มีความรู้ดี ซึ่งได้แก่ ความรู้ในวิชาการทั่วไป ความรู้ในเนื้อหาวิชาในวิชาชีพทุกประการ
2. มีทักษะในการและการปฏิบัติงานในวิชาชีพ มี 3 ด้าน คือ มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ มาตรฐานการปฏิบัติงาน มาตรฐานการปฏิบัติตน
3. มีเจตคติที่ดีในการประกอบวิชาชีพ คือ คุณธรรมของครู จริยธรรม และคตินิยมในความเป็นศึกษานิเทศก์































































































































































แผนการพัฒนาหลักสูตรของตนเองให้ประสบความสำเร็จ
           1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญามหาบัณฑิตภายในปีพ.ศ.2560            
           2.ศึกษาต่อในระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต และสำเร็จการศึกษาภายใน ปี พ.ศ. 2563
3. ศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากหนังสือหลักสูตรและการนิเทศการพัฒนาผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 และเข้ารับการอบรมในการพัฒนาความรู้ความสามารถ ทักษะและเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพศึกษานิเทศก์อยู่เสมอเพื่อเตรียมพร้อมเข้ารับการสอบแข่งขันในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
4. ทำผลงานทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ความรู้ประกอบการทำวิทยฐานะเพื่อใช้ในการขอใบอนุญาตประกอบ วิชาชีพ (ศึกษานิเทศก์)  
             5. สอบบรรจุแข่งขันและเข้ารับการฝึกอบรมจนได้รับผลการประเมินผ่านหลักสูตรการนิเทศการศึกษาตามที่คณะกรรมการคุรุสภารับรองภายในปี2565         
             6.ประกาศตนให้สมาคมวิชาชีพรองรับเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ในยุคศตวรรษที่ 21




แผนการประเมิน
ประเด็นที่ 1
1. ความสำเร็จในการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต 
เกณฑ์การประเมิน
            3 = ดี หมายถึง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต ภายในปี พ.ศ. 2563
            2 = พอใช้ หมายถึง  สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต ภายในปี พ.ศ. 2565

            1 = ปรับปรุง หมายถึง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต หลังปี พ.ศ. 2565
ประเด็นที่ 2
2. ระยะเวลาในการเข้ารับบรรจุแต่งตั้งเป็นตำแหน่งศึกษานิเทศก์
เกณฑ์การประเมิน
              3 = ดี หมายถึง เข้ารับบรรจุแต่งตั้งเป็นศึกษานิเทศก์ภายในปี พ.ศ. 2567
              2= พอใช้ หมายถึง เข้ารับบรรจุแต่งตั้งเป็นศึกษานิเทศก์ภายในปี พ.ศ. 2570

            1 = ปรับปรุง หมายถึง เข้ารับบรรจุแต่งตั้งเป็นศึกษานิเทศก์หลังปี พ.ศ. 2570 
ประเด็นที่ 3
3. ความสามารถในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพของศึกษานิเทศก์
เกณฑ์การประเมิน
3 = ดี หมายถึง สามารถปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพในด้านมาตรฐานความรู้และประสบการณ์ มาตรฐาน มาตรฐานปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติตน ครบทั้ง 3 ประเด็น
2 = พอใช้ หมายถึง สามารถปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพในด้านมาตรฐานความรู้และประสบการณ์ มาตรฐาน มาตรฐานปฏิบัติงาน  2 ประเด็น

1 = ปรับปรุง หมายถึง สามารถปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพในด้านมาตรฐานความรู้และประสบการณ์ 1 ประเด็น
ประเด็นที่ 4
4. ความสามารถในการเป็นศึกษานิเทศก์ที่พร้อมเข้าสู่มาตรฐานสากล และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21
เกณฑ์การประเมิน
3 = ดี หมายถึง มีความสามารถในการประกาศตนให้สมาคมวิชาชีพรับรองทั้งในประเทศและต่างประเทศ และนำความรู้ต่างๆไปปฏิบัติเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21ได้
2 = พอใช้ หมายถึง มีความสามารถในการประกาศตนให้สมาคมวิชาชีพรับรองในประเทศ และนำความรู้ต่างๆไปปฏิบัติเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21ได้
1 = ปรับปรุง หมายถึง ความสามารถในการประกาศตนให้สมาคมวิชาชีพรับรองเฉพาะกลุ่มวิชาชีพและนำความรู้ต่างๆไปปฏิบัติเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21ได้































































































































































































































































































แผนชีวิต
            1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญามหาบัณฑิตภายในปี พ.. 2560            
             2. ศึกษาต่อในระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการนิเทศ มหาวิทยาลัยศิลปากรและสำเร็จการศึกษาภายใน ปี พ.. 2563     
3. ศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมและ เข้ารับการอบรมในการพัฒนาความรู้ความสามารถ ทักษะและเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพศึกษานิเทศก์อยู่เสมอเพื่อเตรียมพร้อมเข้ารับการสอบแข่งขันในตำแหน่งศึกษานิเทศก์
              4. ทำผลงานทางวิชาการเพื่อเผยแพร่ความรู้ประกอบการทำวิทยฐานะเพื่อใช้ในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ศึกษานิเทศก์)  
          5. สอบบรรจุแข่งขันและเข้ารับการฝึกอบรมจนได้รับผลการประเมินผ่านหลักสูตรการนิเทศการศึกษาตามที่คณะกรรมการคุรุสภารับรองภายในปี2556         
              6. พัฒนามาตรฐานวิชาชีพศึกษานิเทศเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลและมีทักษะในการใช้เทคโนโลยีให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ในยุคศตวรรษที่ 21









แผนการประเมิน
ประเด็นที่ 1
1. ความสำเร็จในการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการนิเทศ
เกณฑ์การประเมิน
3 = ดี หมายถึง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการนิเทศ ภายในปี พ.. 2563
2 = พอใช้ หมายถึง  สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการนิเทศ ภายในปี พ.. 2565
1 = ปรับปรุง หมายถึง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการนิเทศ หลังปี พ.. 2556
ประเด็นที่ 2
2. ระยะเวลาในการเข้ารับบรรจุแต่งตั้งเป็นตำแหน่งศึกษานิเทศก์
เกณฑ์การประเมิน
3 = ดี หมายถึง เข้ารับบรรจุแต่งตั้งเป็นศึกษานิเทศก์ภายในปี พ.. 2567
2 = พอใช้ หมายถึง เข้ารับบรรจุแต่งตั้งเป็นศึกษานิเทศก์ภายในปี พ.. 2570
1 = ปรับปรุง หมายถึง เข้ารับบรรจุแต่งตั้งเป็นศึกษานิเทศก์หลังปี พ.. 2570
ประเด็นที่ 3
3. ความสามารถในการปฏิบัติงานตามมาตรฐานวิชาชีพของศึกษานิเทศก์
เกณฑ์การประเมิน
3 = ดี หมายถึง สามารถวิเคราะห์ อธิบายเชิงเหตุผล และนำความรู้เรื่องมาตรฐานวิชาชีพไปใช้การปฏิบัติงานศึกษานิเทศก์

2 = พอใช้ หมายถึง สามารถอธิบาย ยกตัวอย่างเรื่องมาตรฐานวิชาชีพของศึกษานิเทศก์ได้
1 = ปรับปรุง หมายถึง ไม่สามารถรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานเรื่องมาตรฐานวิชาชีพของศึกษานิเทศก์และยังคงปฏิบัติงานผิดพลาดในประเด็นที่สำคัญไปบ้าง
ประเด็นที่ 4
4. ความสามารถในการเป็นศึกษานิเทศก์ที่พร้อมเข้าสู่มาตรฐานสากล และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21
เกณฑ์การประเมิน
3 = ดี หมายถึง สามารถวิเคราะห์ อธิบายเหตุผล และนำความรู้ต่างๆไปปฏิบัติเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21ได้
 2 = พอใช้ หมายถึง สามารถอธิบาย ยกตัวอย่างความรู้ต่างๆเพื่อเข้าสู่มาตรฐานสากลและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21ได้
1 = ปรับปรุง หมายถึง สามารถรับทราบข้อมูลต่างๆเพื่อให้เข้าสู่มาตรฐานสากล และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงสังคมและเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 แต่ยังคงปฏิบัติงานผิดพลาดประเด็นที่สำคัญไปบ้าง









































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น